Be yourself; Everyone else is already taken.
— Oscar Wilde.
This is the first post on my new blog. I’m just getting this new blog going, so stay tuned for more. Subscribe below to get notified when I post new updates.
Be yourself; Everyone else is already taken.
— Oscar Wilde.
This is the first post on my new blog. I’m just getting this new blog going, so stay tuned for more. Subscribe below to get notified when I post new updates.

Sharing Economy คืออะไร?
Sharing Economy หรือ เศรษฐกิจแบบแบ่งปัน เป็นแนวคิดการทำธุรกิจแบบ Peer to Peer (P2P) โดยเป็นการจับคู่ระหว่างผู้ให้บริการที่มีทรัพย์สินหรือสิ่งของ เช่น ห้องพัก รถยนต์ แรงงาน ฯลฯ หรือแอพพลิเคชั่นที่เรารู้จักกันดีในไทยคือ Uber, Airbnb, Spotify ฯลฯ ที่ไม่ได้ใช้หรือมีมากเกินความจำเป็นกับผู้ใช้บริการที่มีความต้องการใช้สินค้าและบริการต่างๆ โดยการเช่า-ยืมแทนการครอบครอง ธุรกิจ Sharing Economy จึงสามารถสร้างรายได้ให้กับผู้ให้บริการและในขณะเดียวกันก็เป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภค ตลอดจนเป็นการนำทรัพยากรที่ยังไม่ถูกนำมาใช้หรือทรัพยากรส่วนเกิน (Excess Capacity) มาจัดสรรให้เกิดการใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพสูงสุด
ประโยชน์ในด้านต่างๆของ Sharing Economy
1)สามารถลดค่าใช้จ่ายในการซื้อสินทรัพย์ หรือ แทนรูปแบบการเช่าแบบเดิม
2) ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคในการคำนึงถึงความคุ้มค่า และการจัดสรรทรัพยากรที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในกรณีที่จะต้องตัดสินใจซื้อสินค้าที่สามารถแบ่งปันกันได้หรือสินค้าที่มีราคาสูง
3)ด้านประโยชน์เชิงเศรษฐกิจ นอกจากจะสามารถลดค่าใช้จ่ายได้แล้วนั้น ผู้บริโภคยังสามารถนำเงินไปต่อยอดในการทำอย่างอื่นได้อีก หรือ สามารถนำเงินไปใช้ประโยชน์ในด้านอื่นๆ ได้อีกมาก
ข้อวิจารณ์เกี่ยวกับ Sharing Economy
เนื่องจากSharing Economy เป็นธุรกิจเกี่ยวกับการแชร์สิ่งต่างๆ ซึ่งเหมาะกับคนกลุ่มชนชั้นกลางหรือกลุ่มคนเมือง จึงไม่เหมาะกับกลุ่มคนชนชั้นล่าง หรือพื้นที่ชนบท และธุรกิจประเภทนี้นั้นยังเป็นธุรกิจประเภทฟุ่มเฟือยมากกว่าความจำเป็นของชีวิต ทำให้ตัวธุรกิจนี้นั้นยังเป็นธุรกิจเฉพาะกลุ่มคน หรือเป็นธุรกิจที่ยังมีความสำคัญน้อยต่อชีวิตผู้คนส่วนมากอยู่ แต่ก็ยังมีธุรกิจหลากหลายประเภทที่พยายามใช้ธุรกิจประเภทSharing Economy มาสร้างประโยชน์ต่อธุรกิจของตนเอง
ผลกระทบของ Sharing Economy
การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวยังเพิ่มความท้าทายให้กับธุรกิจแบบเดิมโดยเฉพาะในตลาดที่โตเต็มที่ โดยหน่วยวิจัย Oxford Martin School ได้ประเมินผลกระทบของ sharing economy ว่าคิดเป็น 0.25% ของ GDP ถึงแม้สัดส่วนของผลกระทบต่อเศรษฐกิจจะยังไม่สูงมากนัก หากแต่สามารถส่งผลกระทบอย่างสูงกับบางอุตสาหกรรม เช่น ในช่วงเวลาตั้งแต่สิ้นปี 2015 การแข่งขันในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริการมีทิศทางที่ดุเดือดขึ้น เมื่อธุรกิจ Airbnb ได้ให้บริการห้องพักจำนวนหลายล้านห้อง ซึ่งมากกว่าห้องพักที่โรงแรมในเครือ InterContinental และ Hilton ทั่วโลก ซึ่งเปิดให้บริการในช่วงเวลาเดียวกัน หรือบริการของธุรกิจ Uber และธุรกิจรถร่วมโดยสารที่ทำให้จำนวนรถแท็กซี่ใหม่ในสหราชอาณาจักรลดลงถึง 97% ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2016
ทั้งนี้ การประเมินต้นทุนเพื่อตีมูลค่ากิจกรรมเชิงเศรษฐกิจของ sharing economy ทำได้ยาก แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงรูปแบบกิจกรรมจากกลุ่มอุตสาหกรรมเดิมมาเป็นระบบ sharing economy จึงมีผลทำให้การคำนวณตัวชี้วัดต่างๆ เช่น GDP ทำได้ยากขึ้นและอาจไม่สามารถสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงของกิจกรรมเชิงเศรษฐกิจของประเทศนั้นๆ ได้อย่างถูกต้อง โดยผลการสำรวจของนักวิจัยจาก Boston Fed ในเดือนธันวาคม 2013 พบว่าสัดส่วนค่าใช้จ่ายที่ผู้ใช้บริการชำระให้กับผู้ให้บริการอย่าง Uber และ Airbnb ไม่ได้นำมานับรวมในการคำนวณ GDP ดังนั้น ทำให้รายได้รวมจากการทำงานนอกระบบเพิ่มขึ้น หรือคิดเป็น 4.4% ของรายได้จากการทำงานในระบบ
แนวโน้มของ Sharing Economy ในอนาคต
1)ในอนาคตเราอาจจะได้เห็นธุรกิจที่นำSharing Economy มาใช้ร่วมกับธุรกิจของตนเองมากยิ่งขึ้น
2)เราอาจจะได้ก้าวเข้าสู่ยุคการลดใช้เงินสดมากยิ่งขึ้นเนื่องจากมีเทคโนโลยีประเภทSharing Economyเข้ามามีบทบาทในชีวิตมากขึ้น
3)Sharing Economyจะส่งผลให้การใช้ชีวิตประจำวันของเราจะมีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น เนื่องจากมีแอพพลิเคชั่นที่อำนวยความสะดวกแก่เรา
4)ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของเราได้มากยิ่งขึ้น อย่างเช่น แทนที่เราจำเป็นจะต้องซื้อรถยนต์ส่วนตัวเพื่อใช้ในเดินทางไปที่ต่างๆนั้น เราสามารถใช้บริการUber แทนการซื้อรถเอง ช่วยในการประหยัดค่าผ่อนรถรายเดือนได้จำนวนมาก
อ้างอิงจาก
–https://www.wha-logistics.com/th/news-media/company-news/415/sharing-economy
–https://www.scbeic.com/th/detail/product/2831
–http://www.etatjournal.com/mobile/index.php/menu-read-tat/menu-2015/menu-22015/245-22015-sharing
This is an example post, originally published as part of Blogging University. Enroll in one of our ten programs, and start your blog right.
You’re going to publish a post today. Don’t worry about how your blog looks. Don’t worry if you haven’t given it a name yet, or you’re feeling overwhelmed. Just click the “New Post” button, and tell us why you’re here.
Why do this?
The post can be short or long, a personal intro to your life or a bloggy mission statement, a manifesto for the future or a simple outline of your the types of things you hope to publish.
To help you get started, here are a few questions:
You’re not locked into any of this; one of the wonderful things about blogs is how they constantly evolve as we learn, grow, and interact with one another — but it’s good to know where and why you started, and articulating your goals may just give you a few other post ideas.
Can’t think how to get started? Just write the first thing that pops into your head. Anne Lamott, author of a book on writing we love, says that you need to give yourself permission to write a “crappy first draft”. Anne makes a great point — just start writing, and worry about editing it later.
When you’re ready to publish, give your post three to five tags that describe your blog’s focus — writing, photography, fiction, parenting, food, cars, movies, sports, whatever. These tags will help others who care about your topics find you in the Reader. Make sure one of the tags is “zerotohero,” so other new bloggers can find you, too.